แต่เนื่องจากปัญหาอายุการใช้งานของไผ่ ที่มักแพ้แมลง แม้การปลูกต้นไผ่แม้จะไม่ใช้สารเคมีในขั้นตอนการปลูก แต่ในขั้นตอนการเตรียมเส้นใย จึงจำเป็นต้องมีการใช้สารฟอกและสารเคมีรุนแรงชนิดอื่นก็อาจส่งผลเสียได้เช่นกัน แต่ก็เพื่อช่วยกำจัดแมลง ดังนั้น จุดอ่อนของไผ่นี้ จึงทำให้คนยุคโมเดิร์นศตวรรษ 20 ไม่คิดใส่ใจมันมากนักสำหรับนักออกแบบแฟชั่นยุโรป
นาย Subhash Appidi และนาย Ajoy Sarkar จาก Colorado State University ได้ทำการทดสอบจุ่มผ้าลงไปในน้ำยาไทโนซาน (Tinosan) สารฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ถึง 80% และป้องกันการดูดซึมรังสี UV ได้ที่ระดับ (UPF) ที่ 56 ซึ่งปกติ UPF ควรอยู่ที่ที่ระดับ 50 จึงถือว่ายังน้อยมาก
ผลสรุปคือ ผ้าจากเส้นใยไผ่นั้น ยังมีช่องว่างที่รอการพัฒนาอยู่มาก เนื่องจากวัสดุจากธรรมชาตินั้นดูดซึมความชื้นได้ดีกว่าวัสดุสังเคราะห์ ทำให้แบคทีเรียเจริญเติบโตได้ดี ทำให้ผ้าเกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ง่าย ส่วนเส้นใยไผ่ดิบ (ที่ไม่ผ่านการเคลือบสารฆ่าเชื้อแบคทีเรีย) นั้นไม่ป้องกันรังสี UV และแม้น้ำยาไทโนซานจะช่วยได้ฆ่าเชื้อได้เพียง 75-80 %
จึงอาจกล่าวได้ว่า เนื้อผ้าจากเยื่อไผ่ เป็นเนื้อผ้าอีกทางเลือกหนึ่ง สำหรับนำมาใช้ได้ในทางการแพทย์อีกระดับหนึ่งเท่านั้น ในปัจจุบัน ผ้าจากเยื่อไผ่เป็นที่รู้จักและมีจำหน่ายในประเทศแถบเอเชีย เช่น จีน ญี่ปุ่น อินเดีย ฯลฯ แต่ยังไม่เป็นที่นิยมแพร่หลายในกลุ่มแฟชั่นเสื้อผ้าและสิ่งทอทวีปยุโรป
Cr.ข้อมูลบางส่วนจาก : ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ และ greenworld.or.th และ vcharkarn.com